หลังจากไปอยู่ต่างจังหวัดมาเกือบสามปี
พอมีโอกาสได้กลับมาอยู่ กทม.
จึงได้คิดที่จะเปิดสตูดิโอรอบนอก กทม.
เพื่อให้นักเรียนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้มีโอกาส #เรียนร้องเพลง กับครู
ที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ โดยไม่ต้องเดินทางเข้าไปในเมืองก็ได้
ฝากเวปไซด์ใหม่ด้วยนะคะ http://4voize.com มีรายละเอียดครบถ้วน
และได้ครูปุ้ม RS AF มาร่วมสอนด้วยกันค่ะ ฝากด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ครูปอย ภรภัทร
krupoy
we can sing :)
วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
บทความที่ 9
ถ้าเสียงไม่เพราะเลยเสียงเหมือนเป็ดแหบมากจะฝึกร้องเพลงได้หรือเปล่า
ได้สิคะแต่เราไม่สามารถเปลี่ยนเสียงให้เป็นไม่แหบนั้นไม่ได้ค่ะแต่สามารถร้องเพลงทั้งที่เสียงแหบเสียงเป็ดได้แต่ร้องได้ถูกโน๊ตและแม่นยำ จังหวะตรงแม่นยำและฟิลลิ่งดีไพเราะได้ด้วยความทำความเข้าใจศิลปะการร้องเพลงให้ถูกทาง ถึงเสียงจะแหบ (โดยกำเนิด) ก็ร้องเพลงได้นะคะแต่ขอให้ถูกโน๊ตจังหวะฟิลลิ่งดีก็ไพเราะแล้วนะ ส่วนคนที่แหบเพราะเส้นเสียงอักเสบนั้น ต้องรักษาให้หายดีก่อนค่อยมาเรียนจะดีกว่าเพราะไม่เช่นนั้นปัญหาจะเรื้อรังไปกันใหญ่ค่ะ
บางคนมีปัญหาหนักมากกว่าเสียงแหบนั่นคือ เพี้ยนจัด คร่อมจังหวะมาก พูดไม่ชัด พูดตะกุกตะกัก เรียกว่ามีปัญหาทางบุคลิกภาพนั่นเอง ครูปอยเคยสอนและได้ผลดีขึ้นแต่ใช้เวลามากหน่อยประมาณ 6 คอร์สเรียกว่าตอนสอนนั้นไมเกรนขึ้นเลยทีเดียวแต่เมื่อนักเรียนตั้งใจเรียนเราก็ไม่สามารถจะทิ้งเด็กที่มีความตั้งใจสูงแบบนั้นได้ เมื่อเรียนไปก็ยิ่งทำให้ประทับใจว่าเขาพยายามทำไมเราจะไม่พยายามล่ะจากการเห็นใจและความใส่ใจที่มีทำให้ผลออกมาประทับใจจนน้ำตาไหล คือเรียกว่าฟันฝ่าอุปสรรคกันทั้งครูปอยและนักเรียนคนนั้น ประทับใจที่ทำให้จอร์จเข้าสังคมได้และร้องเพลงได้เพื่อนๆ ให้การยอมรับทำให้จอร์จมีความสุขมากขึ้นจากที่ร้องเพี้ยนจนครูปอยไมเกรนขึ้น ทุกครั้งที่สอนจอร์จ ถึงขนาดว่าพอจบคอร์สที่ 1 ภาวนาในใจว่าอย่าต่อคอร์สเลยนะจอร์จ
แต่…ต่อคอร์สค่ะ เราเลยคุยกับจอร์จว่าตั้งใจแน่นะถ้าตั้งใจแบบนี้เราก็มาสู้ไปด้วยกันบอกตรงๆ ครูปอยเครียดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพี้ยนทั้งชั่วโมง ทั้งเพี้ยน คร่อม และ ภาษาตะกุกตะกัก ติดขัดตลอด เป็นเคสที่ยากมากที่สุดในชีวิตที่เคยสอน แต่ในที่สุดก็ผ่านได้ด้วยดีแม้จะเหนื่อยแต่ก็คุ้มทั้งครูศิษย์และคุณพ่อที่มานั่งรอลูกชายทุกครั้งที่มาเรียน
แต่…ต่อคอร์สค่ะ เราเลยคุยกับจอร์จว่าตั้งใจแน่นะถ้าตั้งใจแบบนี้เราก็มาสู้ไปด้วยกันบอกตรงๆ ครูปอยเครียดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพี้ยนทั้งชั่วโมง ทั้งเพี้ยน คร่อม และ ภาษาตะกุกตะกัก ติดขัดตลอด เป็นเคสที่ยากมากที่สุดในชีวิตที่เคยสอน แต่ในที่สุดก็ผ่านได้ด้วยดีแม้จะเหนื่อยแต่ก็คุ้มทั้งครูศิษย์และคุณพ่อที่มานั่งรอลูกชายทุกครั้งที่มาเรียน
บทความที่ 8
ไม่มีความรู้เรื่องทฤษฎีดนตรีเลย อ่านโน๊ตก็ไม่ออกร้องเพลงได้รึเปล่า
ได้สิคะ ครูปอยอ่านพอได้ค่ะไม่ได้เก่งมากมายอะไรแต่ในความเป็นจริงไม่ได้ใช้หรอกค่ะ นอกจากเราจะเป็นนักร้องประสานเสียงแบบเป็นคณะ เพราะนักร้องประสานเสียงหรือคอรัสให้ศิลปินก็ไม่จำเป็นต้องอ่านโน๊ตได้นะคะแต่ขอให้แม่นเรียกว่าหูเทพ ทักษะการร้องเพลงดีก็สามารถทำงานประสานเสียงได้
แต่น้องๆที่อยากร้องเพลงได้ดีไม่ต้องกังวลในข้อนี้เลยว่าอ่านโน๊ตไม่เป็น ทฤษฎีไม่ได้จะร้องเพลงไม่ได้ อันนี้คนละส่วนกันเลยค่ะ การเรียนทฤษฎีก็ใช้ในการสอบเข้านั่นคือเรื่องจริงและต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ถ้าคนทั่วๆไปที่ไม่ได้เรียนทฤษฎีทั้งหลายล่ะร้องได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าได้ และ ได้ดีไม่น้อยไปกว่าคนอ่านโน๊ตได้ ตัวอย่างทีให้เห็นเยอะแยะไปโดยเฉพาะในนักร้องมืออาชีพทั้งหลายตั้งแต่ยุคก่อนหน้านี้จนปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นคุณพุ่มพวงดวงจันทร์คงครองใจประชาชนไม่ได้จนปัจจุบันแม้จะจากไปนานแ้ล้ว หรือนักร้องท่านอื่น ๆ ที่ดังระดับโลกก็ร้องเพลงได้จนเป็นเพลงอมตะ แล้วแบบนี้ทำไมคนอ่านโน๊ตไม่ได้ คนไม่รู้ทฤษฎีดนตรีจะร้องเพลงไม่ได้ หรือ ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จล่ะคะ
ครูปอยอยากจะบอกชัดๆว่าไม่ต้องกังวลว่าอ่านโน้ตไม่ออกก็ร้องเพลงได้นะคะ
บทความที่ 7
จำเป็นหรือเปล่าที่ต้องเต้นเป็น
ก็ดีกว่าเต้นไม่เป็นนะ ไม่ได้กวนนะคะแต่จริง ๆ ค่ะก็มันครบเครื่องกว่านี่นะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ควรจะเต้นรำสนุก ๆ กับเพื่อนได้บ้างไม่ใช่ยืนร้องเพลงเป็นเสาเอกเลยแบบนั้นก็ไม่ไหว เพราะอย่าลืมว่าค่ายเพลงหรือผู้บริโภคย่อมมีสิทธิเลือกที่จะชอบใครมากกว่า
ก็ครูปอยไม่เคยเห็นนักร้องคนไหนยืนเป็นเสาหลักนิ่งๆ ร้องเพลงแล้วดูดีเลยนี่คะ เอาเป็นว่าถ้าหากเต้นสเตปเทพไม่เป็นก็อย่าถึงกับตัวแข็งเป็นหุ่นยนต์ก็พอแล้วค่ะ จะได้ดูดีขึ้นหน่อยเวลาร้องเพลง และหายเขินด้วยนะคะเวลาร้องเพลงแล้วมีอะไรทำมากกว่าถือไมค์แล้วยืนนิ่งเป็นหุ่น พอเราโยกตามจังหวะจะทำให้สนุกขึ้นผ่อนคลายขึ้นไม่เกร็งค่ะ แถมดูดีมีเสน่ห์ด้วย รู้แบบนี้แล้วหัดเต้นไว้หน่อยก็ดีนะคะ
บทความที่ 6
การพูดมีส่วนอย่างไรในการทำให้เราร้องเพลงได้ไพเราะมากขึ้น
เคยสังเกตุคนที่พูดจาฉะฉานมีน้ำหนักคำที่น่าฟังหรือไม่คะ เช่นพี่เบิร์ด พี่แอม หรือ นักร้องท่านอื่น ๆ สำเนียงการพุดของคนเราเมื่อเราร้องเพลงมันมักจะคล้าย ๆ กับคำพูดสำเนียงของเราใช่ไม๊คะ ลองสังเกตุ การฝึกพูดให้ชัด ให้มีจังหวะจะในการเว้นวรรค แบ่งคำ ให้ดีฝึกพูดให้เราเป็นคนพูดมีเสน่ห์น่าฟังก็สามารถช่วยให้การร้องเพลงของเราไพเราะขึ้นได้นี่เป็นเรื่องจริง สำเนียงพูดที่ไพเพราะ ทำให้การร้องเพลงไพเราะขึ้นด้วยค่ะ น้อง ๆ เคยเล่านิทานไม๊คะ ไม่ใช่อ่านธรรมดานะคะการเล่านิทานต้องใส่อารมณ์ให้รู้สึกว่าเราเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ เช่นบทของแมวจอมเกเร เจ้าลาน้อยแสนขี้เกียจ เจ้าเป็ดจอมนักเลง หรือ เจ้าไก่ที่ขี้คุยแต่ใจดี เป็นต้น ถ้าเราสามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครเหล่านี้ได้มันก็ง่ายขึ้นที่เราจะเข้าถึงอารมณ์เพลงนั้น ๆ ได้สนุกดีนะคะหากว่าเราจะลองเล่านิทานให้น้อง ๆหลาน ๆ ฟังให้ติดงอมเลย แต่ต้องหมายถึงเราแม่นโน๊ตและจังหวะใช้เสียงถูกต้องด้วยนะคะไม่ใช่พูดได้ไพเราะดีแล้วแต่โน๊ตเพี้ยน ร้องคร่อมจังหวะนี่ก็ไม่ได้เช่นกัน จริง ๆแล้วการพูดที่เกี่ยวกับการร้องเพลงนี่มีท่านผู้หนึ่งเคยบอกครูปอยไว้นานแล้ว ตอนนั้นเพิ่งเริ่มสอนร้องเพลง และสอนที่นั่นเป็นที่แรกคือ Middel C ของพี่ตุ้มผุสชา โทณะวนิก พี่ตุ้มเคยให้ความรู้ในเรื่องสำเนียงการพูด และ การอ่านนิทานด้วย
การอ่านนิทานมีส่วนช่วยให้การร้องเพลงดีขึ้นได้อย่างไร เผอิญว่าตอนเด็ก ๆ ครูปอยเองก็ชอบเล่นละครคนเดียวในห้องนอน เป็นคนมีจินตนาการค่อนข้างสูง พูดคนเดียวได้ทั้งวัน ทุกวันจะต้องเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แต่อ่านละครทีวีทุกเรื่อง ครูปอยก็สมตติตัวเองว่าเป็นตัวละครนั้น ๆ เล่นทุกบทไม่ว่าจะเป็นเด็กคนแก่ หรือ นางเอก พระเอก นางร้าย อยู่อย่างนั้นไม่ยอมลงไปทานข้าวเพราะกำลังสนุก ชอบแต่งตัวเป็นคนนั้นเป็นคนนี้เหมือนเด็ก ๆ ทั่ว ๆ ไปกระมังเพราะไม่ทราบว่าคนอื่นชอบเล่นแบบนี้รึเปล่า และเมื่อมาทำงานกับพี่ตุ้มผุสชาฯ มีโอกาสได้นั่งคุยกับพี่ตุ้มและพี่ตุ้มเองก็แนะนำเกร็ดเล็กน้อยในการร้องเพลง การพูด และ การเล่านิทานมีส่วนช่วยให้เพลงไพเราะขึ้น ภาษา ทำให้คำแต่ละคำแต่ละประโยคมีความชัดเจนมีช่องไฟ เน้นหนักเบาได้พอดี ส่วนการอ่านนิทาน มีส่วนช่วยเรื่องของอารมณ์เพลงที่เราต้องเข้าถึง ตีบทแตก ตีความหมายได้ดี ก็เลยนำมาบันทึกเป็นบทความเผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อน้อง ๆ ที่สนใจการร้องเพลงค่ะ
บทความที่ 5
อายุมากแล้วเรียนร้องเพลงได้หรือไม่
จริงๆ แล้วเส้นเสียงของคนเราจะแข็งแรงสมบูรณ์สุดคืออายุ 30 ถ้าหากเราใช้เสียงอย่างถูกวิธีเสียงก็จะไพเราะจนเข้าสู่วัยชราร้องยังไงก็เพราะ ใช้งานได้นาน ส่วนมากคนที่เสียงเสียแล้วจะแก้ไขได้ยากจึงควรที่จะถนอมหรือใช้เสียงให้ถูกวิธีเมื่อต้องร้องเพลงหรือแม้กระทั่งอย่าตะโกนโดยไม่จำเป็นเพราะถ้าเราชอบร้องเพลงแน่นอน ถ้าตะโกนบ่อยๆ หรือกรี๊ดในคอนเสริตบ่อยๆ หรือกระทั่งการพูดเบา ๆ กระซิบจนติดนิสัยเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เส้นเสียงเริ่มมีปัญหาคือ เสียงแหบ เสียงแตก เสียงหายคือไม่มีเสียงเลย พูดแล้วเหนื่อย เป็นต้น
คำตอบจึงมีอยู่ว่าเรียนได้ค่ะแต่...จะแก้ไขยากกว่าวัยรุ่นหรือวัยทำงาน ครูปอยเคยสอนท่านหนึ่งอายุ 48 ปีเสียงไม่มีเลยค่ะแหบแห้งและร้องเพลงก็เหนื่อยหอบง่าย ๆ เป็นอาการทางกายภาพ ส่วนทักษะการร้องเพลง ไม่มีเลยเรียกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยร้องเพลงเลย จำโน๊ตเพลงไม่ได้ จังหวะค่อม เสียงไม่มี เรียกว่าอาการก็หนักหนาเอาการ เรียน 4 คอร์สร้องเพลงออกงานได้ก็มีความสุข แทนที่จะได้นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว ไม่มั่นใจ ไม่กล้า อาย สั่น ปัจจุบันได้ไปร้องเพลงกับเพื่อน ๆ อย่างน้อยที่สุดในชีวิตก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำได้เลย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและภาคภูมิใจสำหรับทั้งครูและผู้เรียนค่ะ แต่คงมีไม่มากที่จะมีวัย 50 up มาเรียนร้องเพลงลำพังเดินทางไปไหนมาไหนก็เบื่อแล้วอยากนั่ง ๆ นอน ๆ สบาย ๆ มากกว่า แต่สมัยนี้คนเราแก่ช้าลง ทำให้มีโอกาสสนุกกับชีวิตได้ยืนยาวขึ้น ร้องเพลงกันเถิดจะสุขใจ
บทความที่ 4
คุณสมบัติของการเป็นนักร้องอาชีพ หรือ ศิลปิน
หลาย ๆ คนมีความฝันว่า สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากจะออกเทปกับเขาบ้างนั่นจะเป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ครูปอยเองก็เคยคิดฝันไว้เหมือนกันแต่ เราคงเหมาะกับการเป็นครูกระมัง และโชคดีของการได้เป็นครูสอนร้องเพลงในค่ายเทปที่แกรมมี่ ทำให้ได้รู้ว่าคุณสมบัติที่ทางแกรมมี่ต้องการมีอะไรบ้าง เข้าใจว่าโปรดิวเซอร์ชอบสไตล์นักร้องที่จะมาร่วมงานประมาณไหน และก่อนที่จะมาเป็นครูก็ได้ทำงานกับโปรดิวเซอร์หลายท่านแทบจะทุกค่ายก็ว่าได้ ไม่เว้นกระทั่งค่ายเพลงลูกทุ่ง ร้องคอรัสให้หมดทุกค่ายเพราะสมัยก่อนนักร้องคอรัสมีไม่มากนัก มีไม่เกิน 10 คนที่โปรดิวเซอร์จะชอบเรียกใช้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานคอรัสทั้งในห้องบันทึกเสียงและบนเวทีคอนเสริต หรือ การเป็นครูล้วนแต่ทำให้ครูปอยเองพอจะนึกแทนโปรดิวเซอร์ได้ถึงคุณสมบัติที่อยากได้มาเป็นนักร้องออกอัลบั้ม
ข้อแรก แน่นอนที่สุดต้องร้องเพลงได้ไพเราะ ได้ดี ไม่เพี้ยน จังหวะดี ฟิลลิ่งเลิศ เนื้อเสียงไพเราะ นี่ก็ได้แต้มมาเกิน 50% แล้ว
ข้อสอง นอกเหนือจากคุณสมบัติข้อแรกแล้ว เนื้อเสียงไพเราะ ยังไม่พอเท่านั้น เสียงที่ไพเราะนั้นต้องมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำ ไม่เฝือ ไม่เกลื่อน เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะเราคงไม่ได้อยากฟังเพลงที่มีนักร้องเสียงเหมือนพี่เบิร์ด หรือเสียงเหมือนพลพล หรือเสียงเหมือนเจนนิเฟอร์คิ้ม ก็ที่กล่าวมาก็ไพเราะมากมากและจำได้แม่นแล้ว เป็นธรรมดาที่ค่ายเพลงหรือโปรดิวเซอร์ก็ย่อมอยากได้นักร้องใหม่ที่มีเสียงมีเอกลักษณ์ โดดเด่น
ข้อสาม เมื่อได้เสียงที่ไพเราะ มีเอกลักษณ์แล้ว นักร้องต้องมีเสน่ห์ด้วยนะ มีเสน่ห์ทั้งสำเนียงการร้อง มีภาษาที่ร้องเพลงแล้วฟังไพเราะ ไม่รกหู ไม่ดัดจริตในการร้องเพลงจนไม่ธรรมชาติ เพราะการร้องเพลงต้องมีจริตสักหน่อยอย่างน้อยสุดก็ต้องฟังแล้วไพเราะกว่าการพูดตามปกติธรรมดา ข้อนี้เป็นข้อที่ยากมากมากที่จะหาได้ เรียกว่าต้องเฟ้นหา ต้องฟังแล้วฟังอีก บางคนต้องส่งเดโมเพื่อให้ผ่านผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ นานถึง 5 ปี 3 ปี หรืออย่างน้อยสุดก็ 1 ปีซึ่งหายากมากที่จะผ่านได้รวดเร็วใน 1 ปี
ข้อสี่ ความอดทนในการทำงาน ต้องอดทนสูงมากเพราะจะต้องถูกตำหนิ ถูกแก้ไขงาน ให้ร้องใหม่ ๆ บันทึกซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจะเป็นที่พอใจ บางเพลง 3 วันยังบันทึกเสียงไม่เสร็จ หรือ ถึงจะเสร็จแล้วแต่ก็ยังต้องการเพิ่มหรือแก้ไขอีก ถ้าเรียกมาทดสอบแล้วว่าที่ศิลปินออกอาการงอแงไม่อยากแก้ไขงานของตนเองให้ดี คะแนนนิยมหรือความชื่นชอบก็จะลดทอนลงไป นอกเสียจากว่า ว่าที่นักร้องนั้นจะโดดเด่นมากจนหาใครมาเทียบไม่ได้เลย ก็ยังพอจะกล้อมแกล้มรับได้ แต่คงจะอยู่ในสายตาอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่า ว่าที่ศิลปินคนนี้จะสามารถร่วมงานกับคนอื่นได้หรือไม่ จะมีปัญหาภายหลังหรือไม่ เรียกง่าย ๆ ว่าเหลิงหรือลืมตัวนั่นเอง แต่ถ้าตรงกันข้ามว่าที่ศิลปินนั้นตั้งใจทำงานและรับผิดชอบไม่เกี่ยงไม่อู้ รับได้ต่อคำตำหนิจากผู้ใหญ่ ก็เตรียมตัวรุ่งเรืองได้เลยเพราะทุกคนก็จะดูแลและหางานให้เป็นอย่างดี
ข้อห้า บุคลิกภาพ สมัยก่อนนี้ประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา look หรือบุคลิกภาพความสวยความหล่อมักจะมาเป็นอันดับแรก ๆ ยุคนั้นเป็นยุคของลูกกวาดคนฟังชอบความสวยงามเป็นหลักแต่ปัจจุบันรสนิยมของผู้ฟังเปลี่ยนไปเยอะ และ นักร้องที่มีฝีมือนำหน้าตา ได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่เหลือคุณบัติข้อนี้ที่มีส่วนในการตัดสินใจของค่ายเทปหรือโปรดิวเซอร์เลยนะคะ ก็ยังคงต้องการแต่ก็ไม่ได้เอามาเป็นข้อเด่นที่เป็นอันดับแรก อย่างน้อยสุดถ้าหากไม่สวยไม่หล่อระดับดาราแล้ว ก็ต้องมีแคแรคเตอร์ที่จำได้ง่าย ติดตาติดใจ มีเสน่ห์ เช่น ยิ้มสวยยิ้มแล้วโลกสว่างไสว เช่น ไอซ์ ศรัญญู แถมเสียงก็มีเอกลักษณ์ เต้นก็เก่ง พูดก็เก่งกล้าแสดงออก หรือ ตัวเล็กมากแต่เสียงมีพลังเหลือล้น บวกกับหน้าตาเก๋ไก๋ บุคลิกภาพมั่นใจ แบบดา เอนโดรฟิน หรืออ้วนมากทั้งอ้วนและดำ หล่อก็ไม่หล่อแต่ความอ้วนของเขากลับน่ารักเพราะเป็นคนฉลาดและรู้จักพูดอารมณ์ดี คารมดี เสียงเพราะมากมาก เช่น ป๊อบแคลอรี่บราบรา
หรือ ผอมมาก ดำ มาก หน้าไม่ได้หล่อมากมาย ตัวไม่ได้สูงเท่ห์ เห็นแต่ฟันขาว ๆ เวลายิ้ม แต่เสียงแหบนิด ๆ สำเนียงแบบจริงใจ ชัดมากมากการร้องมีพลัง เสียงสูง เวลาแสดงสดก็ร้องได้ดีเล่นได้ดี เช่นหนุ่ม วงกะลา หรือ อ้วนอีกคน ดำอีกต่างหาก สูง ไม่หล่อ แต่อบอุ่นใจดี น่ารักเวลายิ้ม และจริงใจรับผิดชอบงาน ตั้งใจทำงาน ใครอยู่ใกล้ก็รักก็ชอบอัธยาศัย แบบ พลพล
จะเห็นว่าที่ยกตัวอย่างหน้าตาดีแต่ก็ต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกที่หนุนให้เด่น หรือหน้าตาไม่ได้สวยหล่อแต่ก็มีข้อเด่นมาหักกลบลบข้อด้อยจนแฟนเพลงไม่รู้สึกถึงข้อด้อยเลย ด้อยกลับเป็นเด่นนี่คือการมองหาศิลปินที่อยากเล่าให้ได้รับทราบค่ะ อีกทั้งยังรวมถึงนิสัยการทำงานที่ไม่เหลิง ไม่หลงตัว ไม่ข่มคนอื่น มีระเบียบวินัย ก็เป็นคุณสมบัติอีกข้อที่ค่ายเทปไม่ว่าจะค่ายไหนก็อยากได้คนแบบนี้ไปร่วมงาน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)