วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บทความที่ 1 เรียนร้องเพลงนานแค่ไหนจะได้ผล


คำตอบถ้าตอบจริง ๆ ก็จะเหมือนกำปั้นทุบดิน  ขึ้นกับความพอใจของผู้เรียนค่ะบางคนไม่ได้ต้องการผลที่เลิศเลอมากนักก็จะเรียนไม่นานก็หยุดบางคนเรียนตามแฟชั่นเรียนตามเพื่อน  บ้างก็เรียนเพราะคิดว่ามันง่ายไม่น่าจะยากลองดูซิ  เรียนเพราะพ่อแม่บังคับ แบบนี้จะเรียนไปก็ไม่ฝึกซ้อมไม่ขยันเรียนไปงั้นและเบื่อเร็ว   แต่บางคนหวังผลที่ค่อนข้างจะอยู่ในขั้นดีเรียกว่าอยากเรียนให้ละเอียดก็ใช้เวลาเป็นปี  จริง ๆ แล้วการเรียนรู้ไม่มีสิ้นสุดค่ะ  ก็เหมือน ๆ กับวิชาอื่น ๆ มีปริญญาตรี โท เอก  อาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านเรียนจบปริญญาเอกแล้ว ก็ยังหมั่นฝึกซ้อมเพราะนั่นคือความรักต่อการเรียนรู้  น้อง ๆ รุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเรียนทำไมมากมาย หรือเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ เรียนสักสองเดือนก็น่าจะโอเคแล้ว  หรือ เดือนหน้าจะไปประกวดร้องเพลงไปเรียนสักหน่อย


  




ครูปอยเองก็เคยคิดค่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคิดแบบนั้น  เพราะก่อนหน้าที่จะเรียนร้องเพลงก็จัดว่าเป็นคนที่ร้องเพลงแล้วมีคนชมตลอดมาว่าร้องเพลงเพราะ  เสียงเพราะ  ก็คิดว่าทำไมจะต้องเรียนให้เปลืองเงิน  พอนึกย้อนกลับไปตอนนั้นที่ร้องเพลงกับวงดนตรีของโรงเรียน ครูปอยจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร้องเป็นไงบ้าง  รู้แต่ว่ามีคนปรบมือให้ พอผ่านมาหลายปีมีโอกาสเดินทางเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ  แล้่วก็ได้เข้ามาทำงานประสานเสียงให้กับศิลปินในค่ายต่าง ๆ หลายค่ายเรียกว่าทุกค่ายก็ว่าได้  เมื่อได้เข้ามาทำงานแล้วก็พบว่า การร้องของเราต้องปรับปรุงมากมาย  เพี้ยนนั้นนิดเพี้ยนนี่หน่อยร้องเพลงแข็งทื่อไร้อารมณ์  ภาษาไม่ชัด  จังหวะไม่เป๊ะจังหวะไม่โยน ร้องเพลงยานคาง ร้องเพลงอารมณ์เดียว ประสานเสียงไม่แม่นยำเท่าที่โปรดิวเซอร์ต้องการ ล้วนแต่เป็นปัญหาที่ครูปอยไม่เคยรู้เลยว่าเป็นปัญหา จนกระทั่งมีโปรดิวเซอร์บอกและติติงมา



และครูปอยโชคดีที่ได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ตลอดมาเลยมีโอกาสได้ฝึกฝน ได้ทำงานต่อไปอาจจะเพราะมีเนื้อเสียงที่โปรดิวเซอร์ชอบก็ได้ ทำให้มีงานตลอดและครูปอยเองก็ไม่เคยย่อท้อ  ( แม้จะเคยแอบดื้อนิดหน่อยว่า เราก็ว่าเราร้องดีแล้วนะ )  เพราะทักษะต่างๆ  ฝึกฝนได้ค่ะ  และในที่สุดก็ได้คำตอบว่า คำว่าการเรียนรู้ไม่มีคำว่าสิ้นสุดหรือสายเกินไป  เวลาไม่ได้กำหนดการเรียนรู้แต่เวลาคือการมองไปในอนาคตเดินต่อไปและทำต่อไปขึ้นกับใจเราเองว่าอยากจะหยุด ณ จุดใด  และผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่ามาก ครูปอยเรียนรู้หลายปี อดทนและเหนื่อยกับการที่ต้องอดหลับอดนอน กับการเดินทางไปเรียน กับการถูกติเหนื่อยจนน้ำตาซึม จากวันนั้นจนวันนี้เป็นเวลานับ 10 ปี  แต่มันก็คุ้มค่ากับการเดินทางเพื่อแลกกับการเรียนรู้และประสบการณ์ที่มีค่า








เพราะฉะนั้นสำหรับน้องๆ ที่มาลงเรียนก็ต้องลองพิจารณาตัวเราเองว่าเรามีคุณสมบัติติดตัวมาเท่าไหร่ จะเรียนให้ได้รับผลอย่างไรกลับไปบ้าง ควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างเช่นเราตั้งโจทย์ไว้ว่า เราอยากร้องเพลงให้ได้อย่างรัดเกล้า อมรดิษฐ์  หรือ เจนนิเฟอร์ คิ้ม หรืออยากร้องเพลงเสียงสูง ๆ ได้ดีเหมือนเบน ชลาทิศ  อยากร้องเพลงสนุก ๆ ได้ดีแบบ ไอซ์ ศรัญญู หรือเสียงกลม ๆลอยแบบ ป๊อบแคลอรี่ บราบรา อยากร้องเพลงอกหักให้ไพเราะเพราะพริ้งแบบออฟ ปองศักดิ์  อยากมีเสียงเก๋ ๆ เก่ง ๆ แบบเป๊ก ผลิตโชค  เราก็ควรจะทำให้ได้ทำให้ถึงคือพยายามตอบโจทย์ตัวเองให้ได้ซะก่อน  เพลงสากลเราอยากร้องได้แบบใคร แล้วก็ทำให้เต็มที่



เราก็ควรจะตอบโจทย์นั้นให้ได้แล้วก็หมั่นฝึกซ้อมสม่ำเสมอไม่ใช่เรียนแล้วก็ทิ้งไป เพราะการเรียนใดใดก็ตามถ้าไม่ใช้เป็นประจำก็จะลืมและการร้องอาจจะดรอปลงไปได้ค่ะ  
เมื่อเราตอบโจทย์ของเราได้นั่นคือเราได้เรียนจบไป 1 บทเรียนแล้ว ส่วนโจทย์ใหม่จะมีอีกหรือไม่ขึ้นกับผู้เรียนเองค่ะ
การเรียนการสอนที่นี่จะเน้นตั้งแต่พื้นฐานการร้องเพลงที่ถูกต้อง การร้องเพลงได้ฟิลลิ่งสื่อความหมายได้ถูกต้องและน่าฟัง  
การร้องเพลงให้ไพเราะทำอย่างไรประกอบด้วยอะไรบ้าง โดยครูปอยจะอำนวยการสอนอย่างใกล้ชิด



หรือว่าเราอยากปรับปรุงพัฒนาบุคลิกภาพความเชื่อมั่นเมื่อต้้องขึ้นร้องเพลงบนเวทีด้วย  ทางสตูดิโอก็กำลังจะจัดคอร์ส Acting มาเพื่อให้น้อง ๆ ได้เรียนการแสดงเพื่อการร้องเพลงการตีความหมายของบทเพลง การสื่ออารมณ์ การพัฒนาบุคลิกภาพ หรือจะเรียนการแสดงเพื่อเป็นนักแสดงทางเราก็กำลังจะเปิดสอนเช่นกัน

    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น