บทความที่ 3
เราควรใส่ฟิลลิ่ง หรืออารมณ์เพลงมากน้อยแค่ไหน
เรื่องนี้อธิบายยากเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกของผู้ร้องเพลงนั้น ๆ ทั้งตอนที่เริ่มฟังต้นฉบับ หรือ เริ่มทำงานเพลงนั้นใหม่ๆ แบบไม่เคยฟังมาก่อนเลยก็ล้วนแต่ต้องอาศัยความเข้าใจจากผู้ที่จะร้องเพลงนั้น ๆ เอง ก่อนอื่นเราควรจะอ่านเนื้อเพลงให้จบสักสองสามเที่ยวแล้วสรุปให้เหลือไม่เกิน 2 บรรทัดว่า เพลง ๆ นั้นมีใจความอย่างไรเขาแต่งขึ้นมาเพื่อบอกอะไรแก่ผู้ฟัง นั่นคือเราต้องหัดตีความหมายให้เข้าใจเสียก่อน ส่วนใหญ่พอได้ยินก็ร้องตามเลย แบบพอจำได้ พอจำได้ทั้งเนื้อเพลง และ ทำนองเพลง ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะก็ทำได้ค่ะ ถ้าเราไม่ได้จริงจังที่จะต้องทำงานทำได้
แต่หลายคนที่ต้องทำงานหรือต้องประกวดร้องเพลง จะต้องใส่ใจรายละเอียดมากขึ้นกว่าที่จะร้องสนุก ๆ ร้องเล่น ๆ ร้องเพลิน ๆ เพราะเขาต้องเสนองานให้ผ่านประกวดให้เข้ารอบ พอรู้แบบนี้แล้ว เราก็น่าจะคิดต่ออีกสักนิดว่า แล้วทำไมเราไม่ทำให้การร้องเพลงดูมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่เราเคยร้องเล่น ๆ ล่ะคะ เพราะมันน่าจะไพเราะมากกว่าเดิมเยอะ เมื่อเราใส่ใจให้เข้าถึงเพลงย่อมทำให้เราได้เสพความสุขจากการฟังและการร้อง สนุกกับการได้พัฒนาการร้องเพลง ทำให้เราเพลิดเพลินและคนฟังเราก็เพลิดเพลิน และตัวเราเองก็ภูมิใจที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแม้จะไม่ได้เก่งแบบมืออาชีพ แต่ก็ใกล้เคียงล่ะ
แต่หลายคนที่ต้องทำงานหรือต้องประกวดร้องเพลง จะต้องใส่ใจรายละเอียดมากขึ้นกว่าที่จะร้องสนุก ๆ ร้องเล่น ๆ ร้องเพลิน ๆ เพราะเขาต้องเสนองานให้ผ่านประกวดให้เข้ารอบ พอรู้แบบนี้แล้ว เราก็น่าจะคิดต่ออีกสักนิดว่า แล้วทำไมเราไม่ทำให้การร้องเพลงดูมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่เราเคยร้องเล่น ๆ ล่ะคะ เพราะมันน่าจะไพเราะมากกว่าเดิมเยอะ เมื่อเราใส่ใจให้เข้าถึงเพลงย่อมทำให้เราได้เสพความสุขจากการฟังและการร้อง สนุกกับการได้พัฒนาการร้องเพลง ทำให้เราเพลิดเพลินและคนฟังเราก็เพลิดเพลิน และตัวเราเองก็ภูมิใจที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแม้จะไม่ได้เก่งแบบมืออาชีพ แต่ก็ใกล้เคียงล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น